Page 91 - สรุปรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2566
P. 91
86
บทที่ 1
ประวัติ ความเป็นมาของการประกอบพิธีฮัจญ์
ความหมายของฮัจญ์
ฮัจญ์ หมายถึง การมุ่งไปสู่อับกะฮ์บะฮ์ เพื่อปฏิบัติศาสนกิจในเดือนซุลฮิจญะฮ คือ เดือนที่ 12 ตาม
ปฏิทินอิสลาม (ราชบัณฑิตยสถาน, 2542, หน้า 121) ส่วนความหมายทางด้านศาสนบัญญัติ หมายถึง การมุ่งสู่
บัยตุลลอฮเพื่อทำการฎอวาฟ การสะแอ การวุกูฟที่ทุ่งอะรอฟะฮและปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ ตามแบบอย่างที่
ท่านรอซูล (ศาสดา) ได้กำหนดไว้ตามวัน เวลา และสถานที่ที่ได้กำหนดไว้
การประกอบพิธีฮัจญ์เป็นหนึ่งในห้าของหลักปฏิบัติศาสนกิจตามหลักการอิสลามที่มุสลิมทุกคนต้อง
ปฏิบัติตาม โดยการปฏิบัติศาสนกิจตามหลักการอิสลาม 5 ประการ ประกอบด้วย (1) การปฏิญาณตน (2) การ
ละหมาด (3) การจ่ายซะกาตหรือให้ทาน (4) การถือศีลอด และ (5) การประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศ
ซาอุดิอาระเบีย
ถึงแม้การประกอบพิธีฮัจญ์จะเป็นข้อกำหนดให้ผู้นับถือศาสนาอิสลาม (มุสลิม) ทุกคนต้องปฏิบัติแล้ว
แต่ได้กำหนดไว้สำหรับมุสลิมที่มีความพร้อมเท่านั้น กล่าวคือ มีสุขภาพแข็งแรง สติปัญญาสมบูรณ์ มีทรัพย์สิน
เพียงพอในการใช้จ่ายโดยมิต้องกู้หนี้ยืมสินและเดือดร้อนบุคคลที่ต้องรับผิดชอบ และเส้นทางที่จะเดินทางไป
จะต้องปลอดภัย ดังนั้นการนำที่ดินและทรัพย์สินไปจำนอง จำนำ หรือขาย เพื่อนำไปประกอบพิธีฮัจญ์ โดยกลับ
มาแล้วไม่มีที่ทำกินหรือเป็นเหตุที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ลูกหลาน จึงเป็นการกระทำที่ผิดศาสนบัญญัติ
เช่นเดียวกับคนที่มีความสามารถพร้อมแต่ไม่ยอมไปประกอบพิธีฮัจญ์ เพราะเสียดายทรัพย์สินจะหมด และถ้า
หากไม่มีความสามารถด้านทรัพย์และสุขภาพ ก็ไม่เป็นความผิดแต่อย่างไร เพราะตกอยู่ในเหตุของการด้อย
ความสามารถ ดังนั้นมุสลิมผู้ประสงค์เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ต่างก็ต้องอดออม มุ่งทำงานด้วยความสุจริต
และประพฤติตนตามหลักศาสนาอย่างเคร่งครัดทั้งกาย วาจา และใจ
ด้วยเหตุนี้การประกอบพิธีฮัจญ์จึงเป็นหลักปฏิบัติต่อพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นเป้าหมายในการขัดเกลา
จิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ต้องใช้ความอุตสาหะ เสียสละทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์
กำลังสติปัญญา และต้องอดทนต่อความยากลำบาก อีกทั้งต้องมีความสามารถที่จะไปได้โดยไม่ต้องกู้หนี้ หรือ
ยืมทรัพย์สินของผู้อื่น
สำหรับประเทศไทยนั้นมีผู้แสวงบุญเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครมักกะฮ์ ประเทศ
ซาอุดิอาระเบีย มาตลอดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สำหรับในปี 2566 กระทรวงฮัจญ์และอุม
เราะห์ของประเทศซาอุดิอาระเบียได้จัดสรรโควตาผู้แสวงบุญชาวไทย จำนวน 13,000 คน ไม่มีการกำหนดอายุ
ของผู้เดินทางไปแสวงบุญ และกำหนดต้องได้รับการฉีดวัคซีน 3 ชนิด ได้แก่ 1) วัคซีนโควิด 19 (ครบโดส) 2)
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3) วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น
ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญ จึงได้ตราพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจญ์ พ.ศ.2524
องค์กรที่รับผิดชอบตามพระราชบัญญัติดังกล่าว คือ คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย
มีคณะกรรมการประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการ โดยอธิบดีกรมการศาสนาเป็นกรรมการและเลขานุการ และกรรมการศาสนา
ทำหน้าที่สำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติ
มีวัตถุประสงค์ ดังนี้